ดาวพุธเป็นดาวที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลข่าวสาร ข้อเท็จจริง กฎเกณฑ์ หลักการที่เป็นสัจพจน์ สูตรคำนวณต่างๆ ตลอดจนความรู้เชิงเทคนิคทุกประเภท ดาวพุธเป็นดาวแห่งความใฝ่รู้ ใฝ่ศึกษา ก้มหน้าก้มตาจดจ่ออยู่กับข้อมูล การใช้ตรรกะ และเหตุผล
ราศีมีน (กลุ่มดาวปลา) เป็นราศีที่มีคุณลักษณะที่ตรงกันข้ามกับดาวพุธ โดยมากมักจะแหงนหน้าขึ้นฟ้าเพื่อเข้าสู่โหมดจินตนาการวาดวิมานในอากาศ มองหาความเป็นไปได้ทุกๆ ทางผ่านโลกแฟนตาซี มุ่งเน้นสภาวะการหยั่งรู้ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้มิใช่คุณสมบัติเดิมแท้ของดาวพุธ ดังนั้น ผู้ที่ดาวพุธสถิตในราศีมีนจึงมีแนวโน้มของความคิดที่มักจะออกนอกกรอบอยู่เสมอ ต่อต้านการศึกษาตามระบบระเบียบหลักสูตรในโรงเรียน ไอน์สไตน์เกลียดการเรียนรู้แบบท่องจำตำราและรู้สึกว่าการเรียนการสอนตามวิธีการมาตรฐานนั้นไม่ได้ช่วยให้เขามีการศึกษาที่ดีขึ้นเลย
ทำนองเดียวกันกับกรณีดาวพุธของนิวตันที่ได้มาตรฐานเป็น “ประ” ในราศีธนูอันเป็นตำแหน่งเสื่อมของดาวพุธ ดาวพุธของไอน์สไตน์ก็ตกอยู่ในสภาวะเสื่อมไม่ต่างกัน กล่าวคือ ได้มาตรฐานเป็น “นิจ” ในราศีมีน ดาวพุธของไอน์สไตน์จึงทำงานออกนอกกรอบมาตรฐาน ดังเห็นได้ชัดจากประโยคหนึ่งในบทสัมภาษณ์ของไอน์สไตน์ที่ว่า “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้” แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนฉงนสนเท่ห์ เกิดความประหลาดใจ ที่ทั้งทึ่งและอึ้งกับสิ่งที่ไอน์สไตน์คิด ว่าคิดออกมาได้อย่างไร นั่นก็คือ ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษที่แสดงให้เห็นว่าความเร็วแสงต่างหากที่มีค่าคงที่ ในขณะที่เวลาเป็นสิ่งสัมพัทธ์ คือ ยืดหดได้ ไม่คงที่และเป็นฟังก์ชั่นหนึ่งของความเร็วที่เคลื่อนที่ของวัตถุ ซึ่งดูจะค้านกับสามัญสำนึกที่รับรู้กันโดยทั่วไป ทว่าข้อสรุปได้ดำเนินผ่านมายังตำแหน่งอันเสื่อมถอยของดาวเคราะห์ซึ่งมักส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักงันชั่วขณะหนึ่งหรือสร้างเรื่องราวความน่าประหลาดใจให้บังเกิดขึ้น
สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่า ก็คือ นิวตันมีดาวพุธเป็นประในราศีธนูฉากกับดาวเสาร์และทำมุม sesquiquadrate กับอังคาร กฎเกณฑ์ต่างๆ ที่เขาค้นพบนำมาใช้กับปรากฏการณ์ที่เคลื่อนที่ช้า ไอน์สไตน์มีดาวพุธเป็นนิจในราศีมีน กุมกับดาวเสาร์ในจักรราศีและฉากกับอังคารในระบบพิกัดศูนย์สูตร กฎเกณฑ์ต่างๆ ที่เขาค้นพบเกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ผลงานของนักวิทยาศาสตร์มหาอัจฉริยะทั้งสองท่านนี้ได้เปลี่ยนโลกชนิดที่ยังไม่มีผู้ใดทรงอิทธิพลเสมอเหมือนนับตั้งแต่ปี 1500 เป็นต้นมา หรืออาจจะตั้งแต่มีการจดบันทึกทางประวัติศาสตร์เลยก็เป็นได้
การที่ดาวพุธมีพลังงานขาดๆ หายๆ เป็นช่วงๆ ตอนๆ จากตำแหน่งอันเสื่อมถอย เมื่อมีปัจจัยอื่นๆ พร้อมให้การสนับสนุน อาจนำมาซึ่งค้นพบในสิ่งที่คนทั่วไปมองไม่เห็นก็เป็นได้ นิวตันค้นพบกฎแรงดึงดูดของโลกเพราะเห็นความไม่เที่ยงของความเร็ว โดยทุกๆ วินาทีที่ผ่านไป ความเร็วจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้คนอื่นๆ จะเห็นความเร็วของทุกสิ่งเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่มีใครสักคนที่มีสมาธิมากพอที่จะจับความไม่เที่ยงของความเร็วได้ทัน การที่นิวตันเห็นความไม่เที่ยงของความเร็วทำให้โลกปฏิวัติสู่คลื่นลูกที่สอง คือ มีเครื่องบิน จรวด เครื่องซักผ้า รถยนต์ ฯลฯ จวบจนมาถึงยุคของไอน์สไตน์ ไอน์สไตน์มองเห็นลึกลงไปยิ่งกว่า นั่นคือ เห็นความไม่เที่ยงของความเร่ง ก่อกำเนิดสมการบันลือโลกที่นำไปสู่การปฏิวัติคลื่นลูกที่สาม คือ มีบาร์โค้ด มีระบบฉายแสงมาใช้ มีโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งระบบดิจิทัลต่างๆ ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ เป็นต้น
ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ ก็คือ ความสามารถในการมองเห็นการเกิดดับของปรากฏการณ์ต่างๆ ซึ่งคนส่วนใหญ่ล้วนถูกอำนาจมายาแห่งสันตติ (สภาพของสันตติ คือความสืบเนื่องที่ไม่มีใครสามารถทำลายได้เพราะเป็นไปตามธรรมชาติไม่มีใครแก้ไขได้ ต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัย) บดบังความจริงที่อยู่ตรงหน้า ทำให้ไม่สามารถมองเห็นการเกิดดับที่ซ่อนตัวอยู่ในสรรพสิ่ง ทว่าด้วยกำลังสติที่ยกระดับขึ้นมาของสองนักวิทยาศาสตร์มหาอัจฉริยะบันลือโลก ยังส่งผลให้เกิดการค้นพบอันยิ่งใหญ่ทรงพลังพลิกโลกได้ถึงเพียงนี้ หากเราท่านทั้งหลายหมั่นเจริญสติจนสามารถเห็นการเกิดดับของจิตได้ ความมหัศจรรย์ที่บังเกิดขึ้นจะยิ่งใหญ่กว่าการค้นพบเหล่าน้้นมากมายถึงเพียงไหน